วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

≡ The deer in the wind. ♡ The deer & The hunter (cut scene...100%)


Windeer


00

– The deer & The hunter –



            สาธารณรัฐประชาชนจีน, กรุงปักกิ่ง

          23.50PM.

          กึก!

          กึกๆๆๆๆ

          “บ้าเอ๊ย...ทำไมสแกนไม่ได้วะ”

          เจ้าของเสียงหวานที่ถูกเอื้อยเอ่ยจากริมฝีปากบางอิ่มสีเชอรี่สะบัดคีย์การ์ดสำหรับห้องในคอนโดฯสุดหรูใจกลางกรุงปักกิ่งด้วยความหงุดหงิด ร่างเล็กค้ำมือข้างนึงกับผนังเพื่อพยุงร่างกายที่โอนเอียงเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ของตัวเองด้วยความยากลำบาก อีกหนึ่งมือก็พยายามสแกนการ์ดผ่านเครื่องรูดที่ติดอยู่หน้าประตู เป็นเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยทุกท่าน แต่ครานี้ลู่หานกลับรู้สึกไม่ชอบใจมันอย่างรุนแรง

          ดันจำพาสเวิร์ดไม่ได้อีกต่างหาก

          “คุณลู่หาน...มีอะไรให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ”

          ราวกับโชคเข้าข้าง ในตอนที่ร่างบางของลู่หานกำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะอาการมึนหัว เสียงของแม่บ้านที่เดินผ่านมาพร้อมรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดก็เอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เธอเห็นร่างบางของเด็กหนุ่มยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องชุดซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งย่าม ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้านอย่างเธอที่มีหน้าที่ทำความสะอาดก็ตาม

          ทั้งหมดทั้งมวล...เป็นบ่อเกิดแห่งความสงสัย ว่าคุณลู่หานมีธุระอะไรกับเจ้าของห้องชุดห้องนี้

          “เอ่อ...พอดีผมลืมพาสน่ะครับ คีย์การ์ดก็ใช้ไม่ได้ พอจะให้ผมยืมคีย์การ์ดสำรองได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมปวดหัวมากๆ” พูดด้วยสัจจริงทั้งหมด มือบางยกขึ้นกุมขมับตัวเองเป็นแรงกดดันแม่บ้านวัยกลางคนที่ยังมีข้อสงสัยให้รีบหันไปหยิบคีย์การ์ดสำรองมาให้

          “คีย์การ์ดสำรองค่ะคุณลู่หาน”

          “ขอบคุณนะครับ...”

          “ไว้พรุ่งนี้ ดิฉันจะบอกให้ช่างมาดูเครื่องสแกนให้นะคะ บางทีมันอาจจะเสีย” บอกหลังจากที่รับคีย์การ์ดสำรองคืนมาจากร่างบาง ลู่หานพยักหน้ารับด้วยใบหน้าไม่สู้ดี ก่อนจะเปิดประตูห้องที่ถูกปลดล็อคเนื่องจากคีย์การ์ดสำรองที่แม่บ้านให้มา

          บางที...คุณลู่หานอาจจะเป็นเพื่อนของเจ้าของห้องชุดที่แสนหวงแหนอาณาเขตอันเป็นส่วนตัวนี่ก็ได้

          “เวรเอ๊ย...ปวดหัวชิบหาย เอาให้ตายไปเลยมั้ยล่ะ” ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ร่างบอบบางก็เดินโซซัดโซเซพยุงร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของตัวเองมาตามผนังห้องด้วยความทุลักทุเล และเพราะไฟในห้องปิดมืดสนิททุกดวงไม่เว้นแม้กระทั่งในเคาน์เตอร์บาร์ บวกกับอาการมึนหัวทำให้ลู่หานเดินเตะอะไรต่อมิอะไรมากมายจนเรียวขาขาวๆภายใต้กางเกงยีนส์สีซีดได้แผลช้ำ

          ไอ้เพื่อนตัวดีที่เป็นคนลากเขาไปเมาก็หายหัวไปเลย ปล่อยให้เขานั่งแท็กซี่กลับมาคนเดียว พรุ่งนี้คงไม่วายต้องลำบากกลับไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่ผับอีก

          แอดดดดด~

          ไม่ไหว...” จบประโยคสั้นและผะแผ่วราวกระซิบ มือบางที่กำอยู่บนลูกบิดประตูเย็นชืดก็ค่อยๆอ่อนแรงเช่นเดียวกับร่างกายที่กำลังจะทรุดลงบนพื้นพรมสีแดงในไม่ช้า...

          ฟุ่บ~   

          หากทว่า...ท่ามกลางความมืดที่กำลังเข้าเกาะกุมสติอันน้อยนิด กายบอบบางกลับไม่ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากพื้นห้องแข็งๆแต่อย่างใด มีเพียงความรู้เบาโหวงราวกับกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน รวมถึงสัมผัสอุ่นที่เรือนผมสีอ่อนของตนเอง

          ถ้าลู่หานเป็นเจ้าหญิง...แล้วร่างสูงคนนี้คือใครกัน?

          เจ้าชาย...หรือราชองครักษ์

          ตากลมของลูกกวางหลงทางลืมขึ้นจ้องมองเจ้าของอ้อมแขนที่กำลังวางร่างของตัวเองลงบนเตียงขนาด 6ฟุต ผมหน้าม้าที่ปรกอยู่บนหน้าผากมนต์ถูกมือใหญ่ของใครอีกคนลูบเปิดมันขึ้น ก่อนลมหายใจร้อนๆจะเป่ารินรดลงมา เวลานั้น...ลู่หานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนด้วยไฟร้อนๆ และกำลังจะหลอมละลายอยู่ใต้ร่างกายแข็งแกร่งของคนๆนี้

          คนที่เขาจินตนาการให้เป็นเจ้าชาย...หรือไม่ก็ราชองครักษ์ของเจ้าหญิงในเทพนิยาย

          “คุณ...เป็นใคร?” เอ่ยถามเสียงกระท่อนกระแท่นก่อนเอวบางจะแอ่นร่างขึ้นรับสัมผัสวาบวิวที่กำลังแตะลงบนผิวเนื้ออุ่นๆของตัวเองอย่างเผลอไผล เป็นเพราะดวงตาที่พร่ามัวทำให้ลู่หานไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่กำลังคุกคามตัวเองในความมืดได้ชัดเจนนัก 

          แต่เหนือสิ่งอื่นใด...นี่ไม่ใช่ห้องของเขา

          และที่คีย์การ์ดไม่สามารถแสกนผ่านเข้ามาได้ก็เพราะมันไม่ได้ใช้โค้ดตัวเดียวกัน

          “ชู่ว...ฉันสิต้องถามเธอ ว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน” เสียงเข้มแหบพร่ากระซิบชิดใบหูขาว ก่อนกดจมูกโด่งลงบนเรือนผมเจือกลิ่นแชมพู สูดดมความหอมของลูกกวางที่หลงเข้ามาในตาข่ายดักสัตว์ของนายพรานหนุ่มอย่างหลงใหลใคร่รัก

          “อะ ผม...คะ คิดว่านี่คือห้องของผม แต่ถ้าไม่ อ๊ะ!” ทนมองริมฝีปากอิ่มสีเชอรี่ขยับอย่างยั่วยวนมานานเกินทน พรานหนุ่มจับเชยคางเรียวให้เชิดขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปด้วยความหมั่นเขี้ยว ขบกัดที่ริมฝีปากล่างของร่างน้อยที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว

          เขายอมเป็นคนใจร้าย...ถ้าจะได้ครอบครองเรือนกายขาวผ่องน่าขย้ำนี่สักครั้ง

          “ไม่อะไร หืม?” เอ่ยถามหลังจากละริมฝีปากออกมาจากกลีบปากบาง ไล่สายตาสำรวจองค์ประกอบของดวงหน้าหวานที่งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย

          “อะ...ผม อย่า...อื้อ ยะ อย่าจับ...” ร่างน้อยร้องห้ามเสียงกระเส่าตอนที่ฝ่ามือกร้านลากมือผ่านต้นขาด้านในผ่านเนื้อผ้าของกางเกงยีนส์แล้วลงแรงบีบเค้นเบาๆ

          แต่ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่กำลังมอมเมาให้สติที่มีขาดสะบั้นหรือใดๆก็ตาม ร่างสูงกำลังรู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากได้ยินเสียงหอบหายใจและใบหน้าหวานที่กำลังเชิดขึ้นอย่างยั่วอารมณ์นั่น แล้วไหนจะส่วนกลางลำตัวที่จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเตรียมพร้อมคำรามใส่ใครก็ตามที่ปลุกมันขึ้นมา

          “จะมาลอบฆ่าฉันเหรอเด็กน้อย” กระซิบถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนขนฟังถึงกับขนลุกซู่ ลู่หานทำได้เพียงส่ายหน้าแรงๆจนเส้นผมนุ่มนิ่มปลิวไสวปรกใบหน้าขึ้นสี เขาไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้ด้วยเสียงตราบใดที่มือร้อนๆนั่นยังไม่เลิกคุกคามร่างกายของเขาด้วยการสัมผัส

          ไม่ว่าจะส่วนใดก็ตาม...ลู่หานรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังร้อนเป็นไฟ

          เพราะคนๆนี้สัมผัส ทุกส่วน บนร่างกายของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว

          “บอกฉันสิ...ว่าใครเป็นคนส่งเธอมา”

          ฆ่าเหรอ...ลู่หานเนี่ยนะ? เขาในตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับการจับมีดถือปืนฆ่าคน

          “ไม่ คะ...คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ดะ อื้อ ฮะ...แฮ่ก อย่า!” คราวนี้แก้วเสียงใสถึงกับออกเสียงได้อย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายระดับที่สามารถเอาตัวรอดยาก ลูกกวางที่เกือบจะสิ้นฤทธิ์สะดุ้งผวาตอนที่กางเกงยีนส์สีซีดถูกกระชากออกจากเรียวขาขาวผ่องพร้อมๆกับชั้นในตัวบาง

          “เธอกำลังจะบอกว่าเธอ...ไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ?” ย้ำถามอีกครั้งด้วยความฉงนใจ

          การที่ห้องของเขาถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้ายามวิกาลไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเมินเฉยแล้วปล่อยผ่านได้ ซึ่งถ้าหากเขาเป็นเพียงแค่ผู้อาศัยธรรมดาคนนึงของคอนโดฯแห่งนี้นี่คงถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่น่าขัน แต่เพราะเขาคือบุคคลที่ควรจะได้รับการดูแลและรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นกว่านั้น นี่จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสักเท่าไหร่

          ทั้งสำหรับเขา...แล้วก็เด็กน้อยที่กำลังสั่นกลัวนี่

          “มะ ไม่ อ๊า...ผมไม่รู้จักคุณ” ช่างเป็นการปฎิเสธที่เย้ายวน พรานหนุ่มลากสายตามองริมฝีปากสีหวานที่เคยลองลิ้มชิมรสมาแล้ว นึกติดใจรสชาติจนอยากจนอยากจะกดริมฝีปากลงประทับอีกครั้ง แต่ก็ต้องห้ามใจไว้ เขายังอยากได้ยินเสียงหวานๆนี่กระซิบบอกความจริงของเรื่องราวอยู่...

          ใช้สายตาดูแค่ภายนอก ร่างน้อยนี้ดูจะไร้เดียงสาเกินไปสำหรับการจับปืนหรืออาวุธสงครามชนิดไหนๆก็ตาม

          แต่ก็ไม่แน่...ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีสองด้าน เหมือนกับความสวยที่ยั่วยวนเหยื่อให้หลงใหลก่อนจะลงมือเชือดด้วยดาบสองคม

          “ตอบซิเด็กดี...ว่าเธอไม่รู้จัก โอ เซฮุน







          เมื่อชื่อของนายพรานถูกเฉลย ดวงตากลมโตคู่สวยที่เคลือบด้วยน้ำสีใสจนฉ่ำของลูกกวางก็เบิกกว้างขึ้น ดวงหน้าหวานสะบัดหนีสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบลงบนลำคอระหงส์แล้วจูบฝากรอยสีกุหลาบทิ้งไว้ราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ

          มะ ไม่รู้...อย่าจับ! ยะ อย่ามองนะ อ๊ะ...อ๊า!” กวางน้อยหวีดร้องอย่างน่าสงสารตอนที่มือใหญ่ของนายพรานจับแยกเรียวขาทั้งสองออกจากกัน นัยน์ตาสีไพลินที่โดดเด่นท่ามกลางความมืดของห้องนอนที่ไม่เคยถูกรุกรานจ้องมองเรือนร่างบอบบางที่ประกอบด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งของช่วงเอวและสะโพกที่น่าหลงใหล

          ถึงตอนนี้แล้ว คงบอกได้แค่ว่าการห้ามใจช่างเป็นอะไรที่ทำได้ยากเหลือเกิน...ตาคมจดจ้องความสวยงามตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา โอ เซฮุนเป็นเพียงผู้ชายคนนึงที่ชื่อชอบของสวยๆงามๆ และร่างใต้อาณัตินี้ก็เป็นของสวยๆงามๆที่เขาอย่างย่ำยีให้หวีดร้องคาอกเสียเหลือเกิน

          กริ๊งงงงง~ กริ๊งงงงงงงง~

          หากแต่ก่อนที่ริมฝีปากจะได้ประทับสร้างรอยสมใจอยากบนผิวกายขาวผ่อง โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนลิ้นชักข้างหัวเตียงก็ส่งเสียงแผดร้องน่ารำคาญ กายสูงหยัดตัวขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างที่ค้ำลงกับเตียงนอนหลังใหญ่ ยื่นมือออกไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นแนบที่ใบหูของตัวเอง

          [บอส! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นจากกล้องวงจนปิดว่ามีผู้ชายคนนึงเข้าไปในห้องบอส]

          “อย่าตีโพยตีพายไป ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่...กวางหลง” ตั้งฉายาให้ผู้บุกรุกไร้เดียงสาพลางใช้สายตากวาดมองใบหน้าอ่อนหวานของลูกกวางตัวน้อยที่กำลังอ่อนแรง

          [ให้ผมเข้าไปมั้ยครับ อาจจะเป็นสายของพวกริโอเลียน...]

          “ไม่ต้อง ทางนี้ฉันจะจัดการเอง ดูแลเส้นทางเรือของเราอย่าให้มีปัญหา แล้วโทรมารายงานฉันพรุ่งนี้ เข้าใจมั้ย”

          [ขะ เข้าใจครับบอส]

          กึก!

          ผู้ที่ถือต่ำแหน่งบอสวางหูโทรศัพท์ลงที่เดิม เบือนความสนใจกลับมายังร่างของเด็กน้อยที่กำลังสั่นกลัวอย่างน่าสงสาร กายบางถดตัวหนีร่างสูงใหญ่ของราชสีห์ที่ล่าเหยื่อด้วยรสจูบชวนเคลิ้ม เล้าโลมอย่างชำนาญจนกวางน้อยเผลอตัวไปกับสัมผัสร้อนแรงแต่แฝงด้วยความอันตราย

          ลู่หานดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่าของตนเอง ดวงตากลมโตสั่นระริกเช่นเดียวกับก้อนเนื้อขนาดเท่ากำมือในอกข้างซ้ายที่เต้นถี่ระรัวด้วยความกลัว จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยมยามกระทบแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านมูลี่สีอ่อน

          ทั้งเรียวคิ้วที่โค้งรับองศากับดวงตาทรงเสน่ห์...นัยน์ตาสีไพลินทรงเสน่ห์ที่กำลังสะท้อนภาพของลูกกวางน้อยที่นั่งขดตัวชิดหัวเตียง จมูกโด่งเป็นสันอันเกิดจากส่วนผสมที่แสนหลงตัวของชาติยุโรป ริมฝีปากหยักสวยที่เคยมอบจูบให้อย่างเอาแต่ใจ และรูปร่างที่แข็งแรงอย่างชายชาตรี ทุกอย่างบนร่างกายนั้นช่างสมบูรณ์แบบเกินห้ามใจ แต่ด้วยสัญชาติญาณ...มันบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลาหากแต่ก็อันตรายอย่างไม่ควรเข้าใกล้

          “ปล่อยผมไป...” เปล่งเสียงออกจากริมฝีปากสั่นระริก เรียวแขนสวยยังคงกอดร่างตัวเองภายใต้ผ้าห่มผืนสีขาวที่ใช้ปกปิดร่างกายอันประกอบด้วยอาภรณ์เพียงน้อยชิ้นของตนเอง

          ถึงแม้จะเมาแค่ไหน แต่ลู่หานยังมีสติครบถ้วนทุกประการ

          “ฉันไม่เคยปล่อยคนที่บุกรุกห้องนอนของฉันยามวิกาล ยกเว้นแต่ว่า...”

          “...”

          “เธอจะใช้ปืนกระบอกนี้ยิงฉัน แล้วหนีออกไป”

          “…!!!”

          ตากลมของลูกกวางเบิกกว้างขึ้นหลังจากกระบอกปืนด้ามสีดำถูกนำมาวางลงตรงหน้า มือบางที่กระชับอยู่บนชายผ้าห่มสั่นระริก หัวใจเต้นระรัวด้วยทั้งกลัวและสับสนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ลู่หานไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเลือกที่จะยื่นปืนให้คนที่เป็นผู้บุกรุก แทนที่จะใช้มันปลิดชีวิตเขาซะ

          ถ้าเขาเป็นคนร้ายจริงๆล่ะก็ คงจะไม่ลังเลใจที่จะหยิบปืนกระบอกนั้นมาแล้วลั่นไกใส่ร่างสูงคนนี้เป็นแน่    

          แต่เพราะลู่หานไม่ใช่...
         
          “มะ ไม่...ผมทำไม่ได้...”

          “แต่ฉันทำได้”

          ฟึ่บ~

          จบคำ ข้อเท้าขาวภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก็ถูกมือใหญ่คว้าไว้ ออกแรงกระชากเพียงครั้งเดียวร่างบอบบางก็กลับมานอนอยู่ในต่ำแหน่งเดิม เมื่อเหยื่อกลับมานอนทอดร่างใต้อาณัติอีกครั้ง ราชสีห์ก็กางเล็บกระตุกผ้าห่มที่ปกปิดผิวกายขาวๆออกไปอย่างไม่ใยดี กระตุ้นความกลัวของลูกกวางตัวน้อยให้พุ่งสูงถึงขีดสุดด้วยการคว้ากระบอกปืนที่วางอยู่ใกล้เพียงเอื้อม จับด้ามให้มั่นและกดปากกระบอกลงที่ขมับบาง

          “เด็กน้อย เธอตอบผิด”

          “ปะ ปล่อยผมไปเถอะ...ได้โปรด ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณ”อ้อนวอนเจ้าของลำปืนที่จ่ออยู่บนขมับของตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว ถ้าให้กราบได้ ลู่หานก็จะทำเพื่อแลกกับการเอาไอ้ด้ามเหล็กเย็นชืดนี่ออกไปห่างๆหัวของเขา

          ไม่เคยรู้สึกกลัวคำว่าความตายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขาเข้าใจแล้วจริงๆ...

          “เด็กน้อย ฉันอยากปล่อยเธอ...แต่เผอิญว่าฉันไม่มีนโยบายนั้นอยู่ในลิสต์การลงโทษผู้บุกรุก”

          “อ๊ะ! อ๊า! จะ เจ็บ! ผมเจ็บ!!!”

          เสียงหวานแผดร้องด้วยความเจ็บปวดตอนที่ช่องทางบริสุทธิ์ถูกอาวุธประจำกายของราชสีห์หนุ่มชำแรกเข้ามาโดยไม่มีการบอกกล่าว เป็นผลให้ช่องทางสีหวานที่ไม่เคยถูกรุกรานฉีกขาดและปล่อยของเหลวสีแดงสดให้ไหลออกมาตามเรียวขาขาว และถึงแม้เลือดจะไหลออกมามากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดที่คนด้านบนมอบให้กลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ลู่หานเจ็บจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้อย่างที่อยากทำ เขาเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกขื่นใจ ทั้งความเจ็บปวดและความรู้สึกที่ต้องทนมองใบหน้าของคนที่ย่ำยีตนเองโดยไม่สามารถทำอะไรได้

          “ฮึก...เจ็บ ผมเจ็บ อะ...อ๊ะ! อื้ออออ!

            รู้สึกสมเพชตัวเองที่ได้แต่ส่งเสียงร้องน่าอายออกมา กระทั่งแขนทั้งสองข้างยังถูกกดไว้เหนือศีรษะ นอกจากส่งเสียงร้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองเจ็บปวดแล้วลู่หานก็ทำอะไรไม่ได้เลย พลันเมื่อแรงกระแทกถูกขับเคลื่อนเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังอย่างหนักหน่วง ร่างทั้งร่างก็สั่นคลอนเช่นเดียวกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เริ่มแสดงผล ตากลมฉ่ำน้ำพร่ามัว รู้สึกเวียนหัวเหมือนจะอาเจียนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

          “ฮะ อ๊ะ! อ๊ะ! ชะ...ช้า อึก! ช้าลงหน่อย ได้โปรด อะ...อ๊า! ผมไม่ไหว”  

          เมื่อเห็นว่าขอให้หยุดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า ลู่หานจึงเลือกที่จะต่อรองให้คนด้านบนลดความเร็วของการสอดใส่ลงก่อนที่ตนเองจะรับไม่ไหว สบตากับนัยน์ตาสีไพลินคู่สวยที่พราวระยับท่ามกลางความมืดอย่างอ้อนวอนขอความปราณี ในขณะที่อีกคนยังคงเสือกกายเข้าหาถี่กระชั้นราวกับหลงใหลในตัวเขาเสียมากมาย มอบจูบร้อนแรงและเก็บเกี่ยวเสียงครางในลำคอจนหมดสิ้น

          “คะ คุณ อ๊ะ!...อื้ออออ”

          ร้อนแรงเกินต้านทาน ลูกกวางหลงทางไม่สามารถทนแรงมหาศาสของราชสีห์ได้อีกต่อไป แก้วตาใสฉ่ำน้ำพร่ามัวและแสดงการรับผลที่เลือนลาง ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆปิดลงเช่นเดียวกับสติที่จมลงสู่ความมืดมิดในห้วงนิทราโดยสมบูรณ์แบบ

          “เด็กน้อย...” 

          ดวงตาคมที่ผู้พบเห็นยกย่องให้ว่าสวยงามดั่งดวงตาและทรงพลังราวเทพในตำนานกรีกบัดนี้มีเพียงใบหน้ายามหลับใหลของลูกกวางตัวน้อยที่สลบไปอย่างน่าสงสารสะท้อนอยู่ด้านใน หยัดกายขึ้นพร้อมสอดสองแขนเข้าใต้ร่างบอบบางไร้อาภรณ์ปกปิดขึ้นกอดแนบอกแกร่ง ช้อนมือที่เล็กรับกับรูปร่างของผู้เป็นเจ้าของขึ้นจูบซับบนฝ่ามือขาวที่พร่างไปด้วยรอยเล็บจิก

          “เธอไม่ควรมาเจอฉันเลยจริงๆ”

          “...”

          “...ไม่ควรจริงๆ” 

          .

          .

          .

          .




กลับไปเม้นท์ที่เด็กดีให้ด้วยนะก๊ะที่รัก >> http://my.dek-d.com/indekgirl/writer/view.php?id=1247295