Windeer
00
– The deer
& The hunter –
สาธารณรัฐประชาชนจีน, กรุงปักกิ่ง
23.50PM.
กึก!
กึกๆๆๆๆ
“บ้าเอ๊ย...ทำไมสแกนไม่ได้วะ”
เจ้าของเสียงหวานที่ถูกเอื้อยเอ่ยจากริมฝีปากบางอิ่มสีเชอรี่สะบัดคีย์การ์ดสำหรับห้องในคอนโดฯสุดหรูใจกลางกรุงปักกิ่งด้วยความหงุดหงิด
ร่างเล็กค้ำมือข้างนึงกับผนังเพื่อพยุงร่างกายที่โอนเอียงเนื่องจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ของตัวเองด้วยความยากลำบาก
อีกหนึ่งมือก็พยายามสแกนการ์ดผ่านเครื่องรูดที่ติดอยู่หน้าประตู เป็นเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยทุกท่าน
แต่ครานี้ลู่หานกลับรู้สึกไม่ชอบใจมันอย่างรุนแรง
ดันจำพาสเวิร์ดไม่ได้อีกต่างหาก
“คุณลู่หาน...มีอะไรให้ดิฉันช่วยมั้ยคะ”
ราวกับโชคเข้าข้าง
ในตอนที่ร่างบางของลู่หานกำลังจะทรุดลงกับพื้นเพราะอาการมึนหัว เสียงของแม่บ้านที่เดินผ่านมาพร้อมรถเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดก็เอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
เธอเห็นร่างบางของเด็กหนุ่มยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่หน้าห้องชุดซึ่งไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งย่าม
ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้านอย่างเธอที่มีหน้าที่ทำความสะอาดก็ตาม
ทั้งหมดทั้งมวล...เป็นบ่อเกิดแห่งความสงสัย
ว่าคุณลู่หานมีธุระอะไรกับเจ้าของห้องชุดห้องนี้
“เอ่อ...พอดีผมลืมพาสน่ะครับ
คีย์การ์ดก็ใช้ไม่ได้ พอจะให้ผมยืมคีย์การ์ดสำรองได้มั้ยครับ ตอนนี้ผมปวดหัวมากๆ” พูดด้วยสัจจริงทั้งหมด
มือบางยกขึ้นกุมขมับตัวเองเป็นแรงกดดันแม่บ้านวัยกลางคนที่ยังมีข้อสงสัยให้รีบหันไปหยิบคีย์การ์ดสำรองมาให้
“คีย์การ์ดสำรองค่ะคุณลู่หาน”
“ขอบคุณนะครับ...”
“ไว้พรุ่งนี้
ดิฉันจะบอกให้ช่างมาดูเครื่องสแกนให้นะคะ บางทีมันอาจจะเสีย” บอกหลังจากที่รับคีย์การ์ดสำรองคืนมาจากร่างบาง
ลู่หานพยักหน้ารับด้วยใบหน้าไม่สู้ดี
ก่อนจะเปิดประตูห้องที่ถูกปลดล็อคเนื่องจากคีย์การ์ดสำรองที่แม่บ้านให้มา
บางที...คุณลู่หานอาจจะเป็นเพื่อนของเจ้าของห้องชุดที่แสนหวงแหนอาณาเขตอันเป็นส่วนตัวนี่ก็ได้
“เวรเอ๊ย...ปวดหัวชิบหาย
เอาให้ตายไปเลยมั้ยล่ะ” ทันทีที่ประตูห้องปิดลง
ร่างบอบบางก็เดินโซซัดโซเซพยุงร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของตัวเองมาตามผนังห้องด้วยความทุลักทุเล
และเพราะไฟในห้องปิดมืดสนิททุกดวงไม่เว้นแม้กระทั่งในเคาน์เตอร์บาร์
บวกกับอาการมึนหัวทำให้ลู่หานเดินเตะอะไรต่อมิอะไรมากมายจนเรียวขาขาวๆภายใต้กางเกงยีนส์สีซีดได้แผลช้ำ
ไอ้เพื่อนตัวดีที่เป็นคนลากเขาไปเมาก็หายหัวไปเลย
ปล่อยให้เขานั่งแท็กซี่กลับมาคนเดียว
พรุ่งนี้คงไม่วายต้องลำบากกลับไปเอารถที่จอดทิ้งไว้ที่ผับอีก
แอดดดดด~
“ไม่ไหว...” จบประโยคสั้นและผะแผ่วราวกระซิบ
มือบางที่กำอยู่บนลูกบิดประตูเย็นชืดก็ค่อยๆอ่อนแรงเช่นเดียวกับร่างกายที่กำลังจะทรุดลงบนพื้นพรมสีแดงในไม่ช้า...
ฟุ่บ~
หากทว่า...ท่ามกลางความมืดที่กำลังเข้าเกาะกุมสติอันน้อยนิด
กายบอบบางกลับไม่ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากพื้นห้องแข็งๆแต่อย่างใด
มีเพียงความรู้เบาโหวงราวกับกำลังลอยอยู่เหนือพื้นดิน
รวมถึงสัมผัสอุ่นที่เรือนผมสีอ่อนของตนเอง
ถ้าลู่หานเป็นเจ้าหญิง...แล้วร่างสูงคนนี้คือใครกัน?
เจ้าชาย...หรือราชองครักษ์
ตากลมของลูกกวางหลงทางลืมขึ้นจ้องมองเจ้าของอ้อมแขนที่กำลังวางร่างของตัวเองลงบนเตียงขนาด
6ฟุต
ผมหน้าม้าที่ปรกอยู่บนหน้าผากมนต์ถูกมือใหญ่ของใครอีกคนลูบเปิดมันขึ้น
ก่อนลมหายใจร้อนๆจะเป่ารินรดลงมา
เวลานั้น...ลู่หานรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นขี้ผึ้งที่ถูกลนด้วยไฟร้อนๆ
และกำลังจะหลอมละลายอยู่ใต้ร่างกายแข็งแกร่งของคนๆนี้
คนที่เขาจินตนาการให้เป็นเจ้าชาย...หรือไม่ก็ราชองครักษ์ของเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“คุณ...เป็นใคร?”
เอ่ยถามเสียงกระท่อนกระแท่นก่อนเอวบางจะแอ่นร่างขึ้นรับสัมผัสวาบวิวที่กำลังแตะลงบนผิวเนื้ออุ่นๆของตัวเองอย่างเผลอไผล
เป็นเพราะดวงตาที่พร่ามัวทำให้ลู่หานไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่กำลังคุกคามตัวเองในความมืดได้ชัดเจนนัก
แต่เหนือสิ่งอื่นใด...นี่ไม่ใช่ห้องของเขา
และที่คีย์การ์ดไม่สามารถแสกนผ่านเข้ามาได้ก็เพราะมันไม่ได้ใช้โค้ดตัวเดียวกัน
“ชู่ว...ฉันสิต้องถามเธอ
ว่าเข้ามาทำอะไรในห้องของฉัน” เสียงเข้มแหบพร่ากระซิบชิดใบหูขาว
ก่อนกดจมูกโด่งลงบนเรือนผมเจือกลิ่นแชมพู สูดดมความหอมของลูกกวางที่หลงเข้ามาในตาข่ายดักสัตว์ของนายพรานหนุ่มอย่างหลงใหลใคร่รัก
“อะ ผม...คะ คิดว่านี่คือห้องของผม
แต่ถ้าไม่ อ๊ะ!” ทนมองริมฝีปากอิ่มสีเชอรี่ขยับอย่างยั่วยวนมานานเกินทน
พรานหนุ่มจับเชยคางเรียวให้เชิดขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปด้วยความหมั่นเขี้ยว
ขบกัดที่ริมฝีปากล่างของร่างน้อยที่กำลังสั่นเทาด้วยความกลัว
เขายอมเป็นคนใจร้าย...ถ้าจะได้ครอบครองเรือนกายขาวผ่องน่าขย้ำนี่สักครั้ง
“ไม่อะไร
หืม?” เอ่ยถามหลังจากละริมฝีปากออกมาจากกลีบปากบาง
ไล่สายตาสำรวจองค์ประกอบของดวงหน้าหวานที่งดงามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
“อะ...ผม
อย่า...อื้อ ยะ อย่าจับ...” ร่างน้อยร้องห้ามเสียงกระเส่าตอนที่ฝ่ามือกร้านลากมือผ่านต้นขาด้านในผ่านเนื้อผ้าของกางเกงยีนส์แล้วลงแรงบีบเค้นเบาๆ
แต่ไม่ว่าจะด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่กำลังมอมเมาให้สติที่มีขาดสะบั้นหรือใดๆก็ตาม
ร่างสูงกำลังรู้สึกถึงแรงสูบฉีดของเลือดที่เพิ่มสูงขึ้นหลังจากได้ยินเสียงหอบหายใจและใบหน้าหวานที่กำลังเชิดขึ้นอย่างยั่วอารมณ์นั่น
แล้วไหนจะส่วนกลางลำตัวที่จู่ๆก็ตื่นขึ้นมาเตรียมพร้อมคำรามใส่ใครก็ตามที่ปลุกมันขึ้นมา
“จะมาลอบฆ่าฉันเหรอเด็กน้อย”
กระซิบถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงกดต่ำจนขนฟังถึงกับขนลุกซู่
ลู่หานทำได้เพียงส่ายหน้าแรงๆจนเส้นผมนุ่มนิ่มปลิวไสวปรกใบหน้าขึ้นสี
เขาไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้ด้วยเสียงตราบใดที่มือร้อนๆนั่นยังไม่เลิกคุกคามร่างกายของเขาด้วยการสัมผัส
ไม่ว่าจะส่วนใดก็ตาม...ลู่หานรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังร้อนเป็นไฟ
เพราะคนๆนี้สัมผัส
‘ทุกส่วน’ บนร่างกายของเขาด้วยมือเพียงข้างเดียว
“บอกฉันสิ...ว่าใครเป็นคนส่งเธอมา”
ฆ่าเหรอ...ลู่หานเนี่ยนะ?
เขาในตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังทำไม่ได้เลย
แล้วนับประสาอะไรกับการจับมีดถือปืนฆ่าคน
“ไม่
คะ...คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ดะ อื้อ ฮะ...แฮ่ก อย่า!”
คราวนี้แก้วเสียงใสถึงกับออกเสียงได้อย่างเต็มปากเต็มคำเมื่อสัมผัสได้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายระดับที่สามารถเอาตัวรอดยาก
ลูกกวางที่เกือบจะสิ้นฤทธิ์สะดุ้งผวาตอนที่กางเกงยีนส์สีซีดถูกกระชากออกจากเรียวขาขาวผ่องพร้อมๆกับชั้นในตัวบาง
“เธอกำลังจะบอกว่าเธอ...ไม่รู้จักฉันงั้นเหรอ?”
ย้ำถามอีกครั้งด้วยความฉงนใจ
การที่ห้องของเขาถูกบุกรุกโดยคนแปลกหน้ายามวิกาลไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเมินเฉยแล้วปล่อยผ่านได้
ซึ่งถ้าหากเขาเป็นเพียงแค่ผู้อาศัยธรรมดาคนนึงของคอนโดฯแห่งนี้นี่คงถือเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่น่าขัน
แต่เพราะเขาคือบุคคลที่ควรจะได้รับการดูแลและรักษาความปลอดภัยที่หนาแน่นกว่านั้น
นี่จึงกลายเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีสักเท่าไหร่
ทั้งสำหรับเขา...แล้วก็เด็กน้อยที่กำลังสั่นกลัวนี่
“มะ ไม่ อ๊า...ผมไม่รู้จักคุณ”
ช่างเป็นการปฎิเสธที่เย้ายวน
พรานหนุ่มลากสายตามองริมฝีปากสีหวานที่เคยลองลิ้มชิมรสมาแล้ว
นึกติดใจรสชาติจนอยากจนอยากจะกดริมฝีปากลงประทับอีกครั้ง แต่ก็ต้องห้ามใจไว้
เขายังอยากได้ยินเสียงหวานๆนี่กระซิบบอกความจริงของเรื่องราวอยู่...
ใช้สายตาดูแค่ภายนอก ร่างน้อยนี้ดูจะไร้เดียงสาเกินไปสำหรับการจับปืนหรืออาวุธสงครามชนิดไหนๆก็ตาม
แต่ก็ไม่แน่...ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วนแล้วแต่มีสองด้าน
เหมือนกับความสวยที่ยั่วยวนเหยื่อให้หลงใหลก่อนจะลงมือเชือดด้วยดาบสองคม
“ตอบซิเด็กดี...ว่าเธอไม่รู้จัก โอ
เซฮุน”
เมื่อชื่อของนายพรานถูกเฉลย
ดวงตากลมโตคู่สวยที่เคลือบด้วยน้ำสีใสจนฉ่ำของลูกกวางก็เบิกกว้างขึ้น
ดวงหน้าหวานสะบัดหนีสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบลงบนลำคอระหงส์แล้วจูบฝากรอยสีกุหลาบทิ้งไว้ราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าของ
“มะ ไม่รู้...อย่าจับ! ยะ อย่ามองนะ อ๊ะ...อ๊า!”
กวางน้อยหวีดร้องอย่างน่าสงสารตอนที่มือใหญ่ของนายพรานจับแยกเรียวขาทั้งสองออกจากกัน
นัยน์ตาสีไพลินที่โดดเด่นท่ามกลางความมืดของห้องนอนที่ไม่เคยถูกรุกรานจ้องมองเรือนร่างบอบบางที่ประกอบด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งของช่วงเอวและสะโพกที่น่าหลงใหล
ถึงตอนนี้แล้ว
คงบอกได้แค่ว่าการห้ามใจช่างเป็นอะไรที่ทำได้ยากเหลือเกิน...ตาคมจดจ้องความสวยงามตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตา
โอ เซฮุนเป็นเพียงผู้ชายคนนึงที่ชื่อชอบของสวยๆงามๆ และร่างใต้อาณัตินี้ก็เป็นของสวยๆงามๆที่เขาอย่างย่ำยีให้หวีดร้องคาอกเสียเหลือเกิน
กริ๊งงงงง~ กริ๊งงงงงงงง~
หากแต่ก่อนที่ริมฝีปากจะได้ประทับสร้างรอยสมใจอยากบนผิวกายขาวผ่อง
โทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนลิ้นชักข้างหัวเตียงก็ส่งเสียงแผดร้องน่ารำคาญ
กายสูงหยัดตัวขึ้นด้วยมือทั้งสองข้างที่ค้ำลงกับเตียงนอนหลังใหญ่
ยื่นมือออกไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นแนบที่ใบหูของตัวเอง
[บอส! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ
ผมเห็นจากกล้องวงจนปิดว่ามีผู้ชายคนนึงเข้าไปในห้องบอส…]
“อย่าตีโพยตีพายไป
ฉันไม่เป็นอะไร ก็แค่...กวางหลง” ตั้งฉายาให้ผู้บุกรุกไร้เดียงสาพลางใช้สายตากวาดมองใบหน้าอ่อนหวานของลูกกวางตัวน้อยที่กำลังอ่อนแรง
[ให้ผมเข้าไปมั้ยครับ
อาจจะเป็นสายของพวกริโอเลียน...]
“ไม่ต้อง
ทางนี้ฉันจะจัดการเอง ดูแลเส้นทางเรือของเราอย่าให้มีปัญหา
แล้วโทรมารายงานฉันพรุ่งนี้ เข้าใจมั้ย”
[ขะ
เข้าใจครับบอส]
กึก!
ผู้ที่ถือต่ำแหน่งบอสวางหูโทรศัพท์ลงที่เดิม
เบือนความสนใจกลับมายังร่างของเด็กน้อยที่กำลังสั่นกลัวอย่างน่าสงสาร
กายบางถดตัวหนีร่างสูงใหญ่ของราชสีห์ที่ล่าเหยื่อด้วยรสจูบชวนเคลิ้ม
เล้าโลมอย่างชำนาญจนกวางน้อยเผลอตัวไปกับสัมผัสร้อนแรงแต่แฝงด้วยความอันตราย
ลู่หานดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างกายที่เกือบจะเปลือยเปล่าของตนเอง
ดวงตากลมโตสั่นระริกเช่นเดียวกับก้อนเนื้อขนาดเท่ากำมือในอกข้างซ้ายที่เต้นถี่ระรัวด้วยความกลัว
จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยมยามกระทบแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านมูลี่สีอ่อน
ทั้งเรียวคิ้วที่โค้งรับองศากับดวงตาทรงเสน่ห์...นัยน์ตาสีไพลินทรงเสน่ห์ที่กำลังสะท้อนภาพของลูกกวางน้อยที่นั่งขดตัวชิดหัวเตียง
จมูกโด่งเป็นสันอันเกิดจากส่วนผสมที่แสนหลงตัวของชาติยุโรป
ริมฝีปากหยักสวยที่เคยมอบจูบให้อย่างเอาแต่ใจ และรูปร่างที่แข็งแรงอย่างชายชาตรี
ทุกอย่างบนร่างกายนั้นช่างสมบูรณ์แบบเกินห้ามใจ แต่ด้วยสัญชาติญาณ...มันบ่งบอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลาหากแต่ก็อันตรายอย่างไม่ควรเข้าใกล้
“ปล่อยผมไป...”
เปล่งเสียงออกจากริมฝีปากสั่นระริก
เรียวแขนสวยยังคงกอดร่างตัวเองภายใต้ผ้าห่มผืนสีขาวที่ใช้ปกปิดร่างกายอันประกอบด้วยอาภรณ์เพียงน้อยชิ้นของตนเอง
ถึงแม้จะเมาแค่ไหน
แต่ลู่หานยังมีสติครบถ้วนทุกประการ
“ฉันไม่เคยปล่อยคนที่บุกรุกห้องนอนของฉันยามวิกาล
ยกเว้นแต่ว่า...”
“...”
“เธอจะใช้ปืนกระบอกนี้ยิงฉัน
แล้วหนีออกไป”
“…!!!”
ตากลมของลูกกวางเบิกกว้างขึ้นหลังจากกระบอกปืนด้ามสีดำถูกนำมาวางลงตรงหน้า
มือบางที่กระชับอยู่บนชายผ้าห่มสั่นระริก
หัวใจเต้นระรัวด้วยทั้งกลัวและสับสนกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
ลู่หานไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเลือกที่จะยื่นปืนให้คนที่เป็นผู้บุกรุก
แทนที่จะใช้มันปลิดชีวิตเขาซะ
ถ้าเขาเป็นคนร้ายจริงๆล่ะก็
คงจะไม่ลังเลใจที่จะหยิบปืนกระบอกนั้นมาแล้วลั่นไกใส่ร่างสูงคนนี้เป็นแน่
แต่เพราะลู่หานไม่ใช่...
“มะ
ไม่...ผมทำไม่ได้...”
“แต่ฉันทำได้”
ฟึ่บ~
จบคำ
ข้อเท้าขาวภายใต้ผ้าห่มผืนหนาก็ถูกมือใหญ่คว้าไว้
ออกแรงกระชากเพียงครั้งเดียวร่างบอบบางก็กลับมานอนอยู่ในต่ำแหน่งเดิม เมื่อเหยื่อกลับมานอนทอดร่างใต้อาณัติอีกครั้ง
ราชสีห์ก็กางเล็บกระตุกผ้าห่มที่ปกปิดผิวกายขาวๆออกไปอย่างไม่ใยดี กระตุ้นความกลัวของลูกกวางตัวน้อยให้พุ่งสูงถึงขีดสุดด้วยการคว้ากระบอกปืนที่วางอยู่ใกล้เพียงเอื้อม
จับด้ามให้มั่นและกดปากกระบอกลงที่ขมับบาง
“เด็กน้อย เธอตอบผิด”
“ปะ ปล่อยผมไปเถอะ...ได้โปรด
ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับคุณ”อ้อนวอนเจ้าของลำปืนที่จ่ออยู่บนขมับของตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
ถ้าให้กราบได้
ลู่หานก็จะทำเพื่อแลกกับการเอาไอ้ด้ามเหล็กเย็นชืดนี่ออกไปห่างๆหัวของเขา
ไม่เคยรู้สึกกลัวคำว่าความตายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
เขาเข้าใจแล้วจริงๆ...
“เด็กน้อย
ฉันอยากปล่อยเธอ...แต่เผอิญว่าฉันไม่มีนโยบายนั้นอยู่ในลิสต์การลงโทษผู้บุกรุก”
“อ๊ะ!
อ๊า! จะ เจ็บ! ผมเจ็บ!!!”
เสียงหวานแผดร้องด้วยความเจ็บปวดตอนที่ช่องทางบริสุทธิ์ถูกอาวุธประจำกายของราชสีห์หนุ่มชำแรกเข้ามาโดยไม่มีการบอกกล่าว
เป็นผลให้ช่องทางสีหวานที่ไม่เคยถูกรุกรานฉีกขาดและปล่อยของเหลวสีแดงสดให้ไหลออกมาตามเรียวขาขาว
และถึงแม้เลือดจะไหลออกมามากเท่าไหร่
ความเจ็บปวดที่คนด้านบนมอบให้กลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ลู่หานเจ็บจนไม่สามารถเปล่งเสียงร้องออกมาได้อย่างที่อยากทำ เขาเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงที่ถูกขื่นใจ
ทั้งความเจ็บปวดและความรู้สึกที่ต้องทนมองใบหน้าของคนที่ย่ำยีตนเองโดยไม่สามารถทำอะไรได้
“ฮึก...เจ็บ ผมเจ็บ อะ...อ๊ะ! อื้ออออ!”
รู้สึกสมเพชตัวเองที่ได้แต่ส่งเสียงร้องน่าอายออกมา
กระทั่งแขนทั้งสองข้างยังถูกกดไว้เหนือศีรษะ
นอกจากส่งเสียงร้องบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองเจ็บปวดแล้วลู่หานก็ทำอะไรไม่ได้เลย
พลันเมื่อแรงกระแทกถูกขับเคลื่อนเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังอย่างหนักหน่วง
ร่างทั้งร่างก็สั่นคลอนเช่นเดียวกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เริ่มแสดงผล ตากลมฉ่ำน้ำพร่ามัว
รู้สึกเวียนหัวเหมือนจะอาเจียนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮะ อ๊ะ! อ๊ะ! ชะ...ช้า อึก! ช้าลงหน่อย
ได้โปรด อะ...อ๊า! ผมไม่ไหว”
เมื่อเห็นว่าขอให้หยุดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า
ลู่หานจึงเลือกที่จะต่อรองให้คนด้านบนลดความเร็วของการสอดใส่ลงก่อนที่ตนเองจะรับไม่ไหว
สบตากับนัยน์ตาสีไพลินคู่สวยที่พราวระยับท่ามกลางความมืดอย่างอ้อนวอนขอความปราณี
ในขณะที่อีกคนยังคงเสือกกายเข้าหาถี่กระชั้นราวกับหลงใหลในตัวเขาเสียมากมาย
มอบจูบร้อนแรงและเก็บเกี่ยวเสียงครางในลำคอจนหมดสิ้น
“คะ คุณ อ๊ะ!...อื้ออออ”
ร้อนแรงเกินต้านทาน
ลูกกวางหลงทางไม่สามารถทนแรงมหาศาสของราชสีห์ได้อีกต่อไป
แก้วตาใสฉ่ำน้ำพร่ามัวและแสดงการรับผลที่เลือนลาง ก่อนเปลือกตาบางจะค่อยๆปิดลงเช่นเดียวกับสติที่จมลงสู่ความมืดมิดในห้วงนิทราโดยสมบูรณ์แบบ
“เด็กน้อย...”
ดวงตาคมที่ผู้พบเห็นยกย่องให้ว่าสวยงามดั่งดวงตาและทรงพลังราวเทพในตำนานกรีกบัดนี้มีเพียงใบหน้ายามหลับใหลของลูกกวางตัวน้อยที่สลบไปอย่างน่าสงสารสะท้อนอยู่ด้านใน
หยัดกายขึ้นพร้อมสอดสองแขนเข้าใต้ร่างบอบบางไร้อาภรณ์ปกปิดขึ้นกอดแนบอกแกร่ง
ช้อนมือที่เล็กรับกับรูปร่างของผู้เป็นเจ้าของขึ้นจูบซับบนฝ่ามือขาวที่พร่างไปด้วยรอยเล็บจิก
“เธอไม่ควรมาเจอฉันเลยจริงๆ”
“...”
“...ไม่ควรจริงๆ”
.
.
.
.
กลับไปเม้นท์ที่เด็กดีให้ด้วยนะก๊ะที่รัก >> http://my.dek-d.com/indekgirl/writer/view.php?id=1247295
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น